ความขัดแย้ง หมายถึง
ปฏิสัมพันธ์ที่มีลักษณะของความไม่เป็นมิตรหรือตรงกันข้ามหรือไม่ลงรอยกันหรือความไม่สอดคล้องกัน
ความขัดแย้งเป็นธรรมชาติของมนุษย์ เมื่ออยู่ร่วมกันตั้งแต่
2 คนขึ้นไป ย่อมเกิดความขัดแย้งขึ้นเป็นธรรมดา เพราะคนเราถูกเลี้ยงดูมาแตกต่างกัน
ทำให้มีพื้นฐานทางความคิดแตกต่างกัน
สาเหตุของความขัดแย้ง
-ความไม่เข้าใจกัน
-การที่เพิกเฉยกัน
-การสื่อสารที่ผิดพลาด
-บรรยากาศไม่เหมาะสมต่อการพูดคุย
-การอยู่ในสภาวะที่เกิดความขัดแย้งตลอดเวลาจะนำพาให้เกิดความขัดแย้งต่อไป
-การแข่งขัน
-ลักษณะแต่เดิมของคนคนนั้น
-การที่เพิกเฉยกัน
-การสื่อสารที่ผิดพลาด
-บรรยากาศไม่เหมาะสมต่อการพูดคุย
-การอยู่ในสภาวะที่เกิดความขัดแย้งตลอดเวลาจะนำพาให้เกิดความขัดแย้งต่อไป
-การแข่งขัน
-ลักษณะแต่เดิมของคนคนนั้น
ผลกระทบของความขัดแย้ง
ความขัดแย้งสามารถทำให้เกิดผลกระทบทั้งทางด้านดีและด้านลบได้
กล่าวคือ ถ้าความขัดแย้งได้สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ หรือได้ข้อสรุป หรือทางออกที่ดีของปัญหา
ความขัดแย้งนั้นจึงเป็นความขัดแย้งที่ดี แต่ถ้าความขัดแย้งที่เกิดขึ้นทำให้ความรู้สึกที่มีต่อกันทั้งสองฝ่าย
หรือ ทำให้ความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันขาดสะบั้นลง
เกิดปากเสียงและเกิดการเลือดตกยางออก นั่นจึงเป็นสิ่งที่ไม่ดีของความขัดแย้ง
ซึ่งอาจจะส่งผลให้ความขัดแย้งขยายกลุ่มออกไป จากบุคคล สู่การรวมกลุ่มในสังคม
เกิดปัญหาให้กับสังคมก็เป็นได้
ตัวอย่างของปัญหาความขัดแย้งในครอบครัว
ปัญหาพ่อแม่ทะเลาะกัน หรือปัญหาความขัดแย้งกันระหว่างพ่อกับแม่
มีขอบเขตตั้งแต่การโต้เถียงกันด้วยคำสบประมาท การทะเลาะเบาะแว้ง ไปจนถึงการใช้ความรุนแรงในครอบครัว
ส่งผลกระทบให้เด็กได้รับการเลี้ยงดูในสภาพแวดล้อมที่เป็นอันตรายทั้งต่อร่างกายและจิตใจ
ถึงแม้จะมีความขัดแย้ง แต่พ่อแม่ควรรำลึกเสมอ ที่จะสอนลูกให้เดรู้จักการควบคุมอารมณ์
และการแก้ปัญหาด้วยเหตุผล เพื่อรักษาไว้ซึ่งความมั่นคงของครอบครัว พ่อแม่ควรแสดงให้เด็กเห็นว่าการขัดแย้งระหว่างบุคคลไม่ใช่เรื่องผิด
แต่ต้องมีขอบเขต โดยทุกครั้งที่ทะเลาะกัน พ่อแม่ควรตระหนักอยู่เสมอว่า
ลูกคือคนสำคัญที่สุดที่พ่อแม่ต้องใส่ใจ